มวยไทยโบราณ ศิลปะการต่อสู้ 5 แขนง แห่งแผ่นดินสยาม

มวยไทยโบราณ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีค่าของชาติไทย แบ่งออกเป็น 5 สายหลัก ได้แก่ มวยไชยา มวยโคราช มวยลพบุรี มวยพระยาพิชัย และมวยไทยสายพลศึกษา แต่ละสายมีเอกลักษณ์เฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ สะท้อนถึงศิลปะการต่อสู้ที่มีความหลากหลายและลึกซึ้ง  ติดตามข่าวสารวงการหมัดมวย วิเคราะห์ก่อนเกม มวยไทย มวยสากล แบบเจาะลึกได้ทุกวันที่ มวยพักยก

1. มวยไชยา ศิลปะแห่งแคว้นใต้ (Muaythai Chaiya Style)

มวยไชยา เป็นสายแรกที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ผู้ก่อตั้งคือพ่อท่านมา ซึ่งเป็นทหารจากพระนครที่มาสร้างตั้งโรงเรียนสอนมวยไทยในพื้นที่ชายแดนใต้ ลูกศิษย์คนแรกคือพระยาวาจีศตะยารักษ์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอย่างเต็มรูปแบบ

ช่วงรุ่งเรืองของมวยไชยาเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดแข่งขันมวยหน้าพระที่นั่งในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระอุรุพงษ์ราชสมโภช นายปรง จำนงทอง ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “หมื่นมวยมีชื่อ” และได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการพิเศษเมืองไชยา ถือที่ดิน 300 ไร่

1. มวยไชยา ศิลปะแห่งแคว้นใต้ (Muaythai Chaiya Style)

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อเกิดเหตุการณ์มวยคาดเชือกระหว่างนายแผลิงประเสริฐ และนายเจี๊ยะประทาบาง ซึ่งนายเจี๊ยะเสียชีวิต ทำให้รัฐบาลประกาศให้สวมนวมก่อนต่อสู้ จึงเป็นที่มาของ มวยไทย สมัยใหม่ มั่นใจทุกการเดิมพัน พร้อมลิงก์เข้าเล่นที่ปลอดภัย 100% ผ่าน ทางเข้า UFABET เว็บตรง

ขั้นตอนการฝึกมวยไชยา 6 ประการ

  1. จอดมวย – การเรียนรู้ท่าไว้ตัวพื้นฐานที่ถือเป็นรากฐานของศิลปะการต่อสู้
  2. ท่าครูหรือย่างสามคุม – การฝึกการเดิน 3 ก้าวใน 3 ทิศทาง เพื่อสร้างความคล่องตัวและทรงตัว
  3. ไหว้ครู – การแสดงความเคารพต่อครูมวยและบรรพบุรุษ
  4. มวยคาดเชือก – การฝึกในรูปแบบดั้งเดิมที่ใช้การพันมือด้วยเชือกฝ้าย
  5. การแต่งกาย – การเรียนรู้ประเพณีและวัฒนธรรมในการแต่งกายของนักมวย
  6. การฝึกมวยไชยา – การฝึกฝนเทคนิคและ แม่ไม้มวยไทยจริง

2. มวยโคราช นักสู้แดนอีสาน (Muaythai Khorat Style)

มวยโคราชมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา เนื่องจากโคราชเป็นเมืองหน้าด่านที่มีการรบพุ่งตลอดเวลา ทำให้ชาวโคราชต้องพัฒนาศิลปะการต่อสู้ที่เน้นความรุนแรงและมีประสิทธิภาพสูง การผสมผสานระหว่างการใช้อาวุธสั้นร่วมกับกีฬามวยไทยทำให้มวยโคราชมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ห้ามพลาด เกาะติดทุกไฟต์เดือดของ ONE มวยไทย อัปเดตแบบเรียลไทม์ พร้อมบทวิเคราะห์ครบที่ ONE มวยไทย

ยุครุ่งเรืองของมวยโคราชเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดแข่งขันมวยคาดเชือกหน้าพระที่นั่งที่พาทีนั่งผภาทองธรรม สวนมิสสกาวัน ในงานพระราชทานเพลิงศพพระอุรุพงษ์ราชสมโภช เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2452

เอกลักษณ์ของมวยโคราช

มวยโคราชมีการแต่งกายที่แตกต่างจากสายอื่น โดยสวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ และสวมมงคลบนหัวขณะต่อมวย เทคนิคพิเศษที่โดดเด่นคือการพันผ้าจากข้อศอกถึงมือเพื่อใช้ชกมวย เรียกว่า “คาดเชือก” ลักษณะการต่อสู้เน้นการชก เตะ แกว่ง และใช้ “มัดหว่าง ไก่” ที่มีความรุนแรงและมีประสิทธิภาพสูง

2. มวยโคราช นักสู้แดนอีสาน (Muaythai Khorat Style)

การแข่งขันมวยโคราชมักจัดในงานศพ สามารถตั้งใกล้กำแพงวัดได้ การจับคู่โดยการประกาศรอบหมู่บ้าน กรรมการจะเปรียบเทียบนักมวยทั้งสองและนัดหมายวันแข่งขัน รางวัลอาจเป็นของมีค่า เงิน หรือทอง หากชกหน้าพระที่นั่งได้ดี จะได้รับรางวัลเป็นเศียรเสือและสร้อยเงิน

3. มวยลพบุรี ศิลปะแห่งลิงและช้าง (Muaythai Lopburi Style)

มวยลพบุรีเป็นสายที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรสยาม มีอายุถึง 1,350 ปี ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ ผู้ก่อตั้งคือสุกะตันตะ (ฤาษี) ที่ได้ก่อตั้งโรงเรียนที่เขาสมอคอน ลพบุรี พระเจ้ารามคำแหงทรงเป็นศิษย์ของโรงเรียนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมวยลพบุรีในประวัติศาสตร์ไทย

ยุครุ่งเรืองของมวยลพบุรีเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ทรงสนับสนุนและมีการกำหนดขอบเขตเวทีและกฎของเกม พระเจ้าเสือ (รักมวยไทย) ทรงปลอมตัวเป็นนักมวยและต่อสู้กับประชาชน แสดงถึงความนิยมในศิลปะการต่อสู้นี้ ครบเครื่องเรื่องกีฬา คาสิโน และมวย ต้องที่ เว็บยูฟ่า เท่านั้น

ลักษณะเด่นของมวยลพบุรี

มวยลพบุรีเรียกว่า “มวยเก่า” เน้นการต่อสู้ด้วยเล่ห์กลและความรวดเร็ว มีการผูกแขนครึ่งหนึ่งและผูกข้อเท้า โดดเด่นด้วยความฉลาดและความงดงาม ท่ามวยไทยของสายลพบุรีมาจากการเลียนแบบลีลาของลิงและช้าง ซึ่งสะท้อนถึงความใกล้ชิดกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

3. มวยลพบุรี ศิลปะแห่งลิงและช้าง (Muaythai Lopburi Style)

การแข่งขันมวยลพบุรีแบ่งเป็น 5 ยก เวลาหนึ่งยกเท่ากับเวลาที่กะลามะพร้าวที่เจาะรูจมในถังน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการจับเวลาที่เป็นเอกลักษณ์ของสมัยโบราณ

ท่ามวยลพบุรี 16 ท่า

  1. โยเข้าประสุเมรุ
  2. หักงูอ้าง อัยยาลา
  3. ขุนยักษ์จับลิง
  4. หักคอเอราวัณ เซือยงา
  5. ขุนยักษ์ป่าน่าง
  6. ปรามาณว์ศร
  7. ขวางเลี้ยวลัง
  8. หิรัญมวลแป้นดิน
  9. หนุมานถวายแหวน
  10. ลมปลอยอาบลิง
  11. ชิงลูกไม้
  12. โกจรสันต่องยา
  13. โกจรสันต่างงา
  14. ลิงเปรียวหนุมานถูโต

4. มวยพิชัยและท่าเสา ตำนานนักรบผู้ยิ่งใหญ่ (Muaythai Phrayapichai Thasao Style)

มวยพระยาพิชัยและท่าเสาเป็นสายที่มีเรื่องราวโรแมนติกและเต็มไปด้วยความภักดี ผู้ก่อตั้งคือจ่อย เกิดปี พ.ศ. 2284 ที่บ้านห้วยค่า อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตัวเขามีชื่อเสียงในฐานะนักสู้ที่เก่งที่สุดในสมัยของตน มั่นใจทุกการเดิมพัน พร้อมลิงก์เข้าเล่นที่ปลอดภัย 100% ผ่าน ทางเข้า UFABET เว็บตรง

การฝึกมวยของท่านเริ่มต้นจากวัดมหาธาตุ เมืองพิชัย ต่อมาได้ฝึกกับครูเธียงที่วัดบ้านแก้ง ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น “ทองดี” หรือ “ทองดีฟันขาว” จากนั้นได้เดินทางไปภาคเหนือเรียนรู้การต่อสู้กับครูเมกที่บ้านท่าเสา ที่วัดวังเต่าหมอร์ (ปัจจุบันคือวัดธาตุนอน)

บุคคลสำคัญ

ครูทองดี ได้ผสมผสานวิชาต่อสู้จีนกับไทย ฝึกจนเป็นนักสู้ที่เก่งที่สุดในค่ายครูเมก เขาได้เอาชนะนักสู้ชื่อดังครูนิล และนายหมื่อกที่งานประจำปีวัดพระธาตุเหนือศิลาอาสน์ หลังจากนั้นได้เรียนรู้การต่อสู้ด้วยดาบกับครูเลาะที่สวรรคโลก

4. มวยพิชัยและท่าเสา ตำนานนักรบผู้ยิ่งใหญ่ (Muaythai Phrayapichai Thasao Style)

พระยาตากประทับใจในความสามารถ จึงแต่งตั้งเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ในตำแหน่ง “หลวงพิชัยอาสา” ท่านได้ร่วมต่อสู้กับพระยาตากเพื่อเอาเอกราชกลับคืน และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นทหารเอกราชองครักษ์ในพระองค์ และพระยาสีหราชเดโช พระยาพิชัยตามลำดับ ปกครองเมืองพิชัยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัย

ตำนานดาบหัก

ในปี พ.ศ. 2313 – พ.ศ. 2316 ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง โปสุพลายกกองทัพมาตีเมืองพิชัย “ศึกครั้งนี้พระยาพิชัย จับดาบสองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทงพม่าอย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน” กองทัพโปสุพลาก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันอังคาร เดือนยี่ แรม 7 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2316

เทคนิคพิเศษ 5 ประการ

  1. ท่าเริ่มต้น – การวางน้ำหนักที่เท้าหลังเพื่อความสมดุลและพร้อมโจมตี
  2. ท่าไหว้ครูเต้นรำ – ต้อง “ส่องเหม็ด” คือมองไปที่ท้องฟ้าก่อนยืนขึ้น
  3. มงคลและประเจียด – ต้องเป็นสีแดงและแปลงเป็นเวทมนตร์
  4. พิธี 3 ประการ – ยกครู ไหว้ครู และครอบครู
  5. การผสมผสาน – ผสมแข็งและนิ่มเป็นหนึ่งเดียว ใช้เท้าเป็นอาวุธที่รวดเร็ว

ท่ามวยพระยาพิชัยและท่าเสา แบ่งออกเป็น ศิลปะ 5 แขนง

ชก (Chok) ประกอบด้วย:

มัดตรง, มัดขึ้นศอก, กรุงมัดครึ่งศอก, มัดเหวี่ยง หรือ มัดขวาง, มัดตบ, มัดงุด, มัดเซย, มัดซอยดาว, มัดไหง, มัดเหวี่ยงบนหยาว, มัดจิกอ, มัดชก, มัดเสือ หรือ มัดม้าเหนียก, มัดกู, มัดอาวุธ, มัดตาวัด

เตะ (Teh) ประกอบด้วย:

เตะตง, เตะเฉียง, เตะเหวี่ยง หรือ เตะทัด, เตะตวัดกลับ, เตะหลัง, เตะกลับหลัง, เตะครึ่งแกงค์ หรือ ครึ่งเข่า, เตะโจกันด์, เตะตบ, กระดอดเตะ

ทีบ (Teeb) ประกอบด้วย:

ทีบจิก, ทีบกระต่วง, ทีบก้าง, ทีบตบ, ทีบต่อเข่า, ทีบกลับลง หรือ ม้าดีด, กระดอดทีบ, ทีบลอก, ทีบยืน, เดินทีบ

ตีเข่า (Tee khao) ประกอบด้วย:

เข่าตรง หรือ เข่าโตน, เข่าเฉียง, เข่าค้อง, เข่าเหวี่ยง หรือ เข่าทัด, เข่าเหนียบ หรือ เข่ายกนาง, ครึ่งเข่าครึ่งแกง, เข่าคะรำชัก, เข่าลอย, เข่าปั่ง, เข่ากู

ศอก (Sork) ประกอบด้วย:

ศอกทัด, ศอกเฉียง, ส่องค้อง, ศอกเซย หรือ ศอกงุด, ศอกตรง, ศอกจำ หรือ ศอกกลับ, ศอกปั่ง, ศอกกระเต๊ก, ศอกเฉื่อน, ศอกแฉด, ศอกกลับ, ศอกกู

แม่ไม้มวยไทยชุดนี้ ถือว่าแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความลึกซึ้งของศิลปะการต่อสู้ของชาวสยาม ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้ แต่เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างความงาม เพื่อนุรักษ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น

5. มวยไทยสายพลศึกษา มวยไทยประยุกต์ (Muaythai Palasuksa Style)

มวยไทยสายพลศึกษาเป็นสายที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในระบบการศึกษาไทย เริ่มต้นจากการจัดตั้งโรงเรียนพลศึกษากลางในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใหม่ โดยมีมวยไทยเป็นหมวดวิชาไม่บังคับ เจาะลึกก่อนชก วิเคราะห์มวยเด็ด พร้อมแนวทางเดิมพันแม่นยำจากเซียนตัวจริง ที่นี่ วิเคราะห์มวยวันนี้

หลังจากนาวาเอกหลวงศุภชลาศัยได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา ได้ขอรับงบประมาณสร้างสนามกีฬาแห่งชาติขึ้นที่บริเวณตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ต่อมาปี พ.ศ. 2517 ได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพลศึกษา

บุคคลสำคัญ

อาจารย์สุนทร ทวีสิทธิ์ หรือ อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ เป็นปรมาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชามวยไทยสายพลศึกษา ท่านเป็นนักมวยชื่อดัง หมัดผู้เชี่ยวชาญ ได้ศึกษาจากหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ที่เรียนมวยที่เมืองไทย ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งมวยสากลในประเทศไทย

อาจารย์แสวง ศิริไปล์ เป็นอีกหนึ่งปรมาจารย์มวยไทยสายพลศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้นี้

เอกลักษณ์ของมวยไทยสายพลศึกษา

มวยไทยสายพลศึกษามีเอกลักษณ์ 3 ด้านหลัก:

  1. เอกลักษณ์ด้านการแต่งกาย – มีรูปแบบการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
  2. เอกลักษณ์ด้านการไหว้ครูและร่ายรำมวยไทย – การผสมผสานระหว่างการไหว้ครูกับนาฏศิลป์
  3. เอกลักษณ์ด้านการเรียนการสอน – มีระบบการเรียนการสอนที่เป็นระเบียบแบบแผน

กระบวนท่าของมวยไทยสายพลศึกษา

มวยไทยสายพลศึกษาประกอบด้วยกลวิธีการใช้อาวุธธรรมชาติ 4 ชนิด:

  1. กลวิธีการใช้หมัด – เทคนิคการต่อยที่หลากหลาย
  2. กลวิธีการใช้เท้า – เทคนิคการเตะในรูปแบบต่างๆ
  3. กลวิธีการใช้เข่า – การใช้เข่าเป็นอาวุธในระยะใกล้
  4. กลวิธีการใช้ศอก – การใช้ศอกในการโจมตีและป้องกัน

มวยไทยโบราณ มรดก 5 แขนงแห่งยุค

มวยไทยโบราณทั้ง 5 สายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีค่าอย่างยิ่งของชาติไทย แต่ละสายมีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่น่าสนใจ ตั้งแต่มวยไชยาที่เป็นตัวแทนของแคว้นใต้ มวยโคราชที่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งอีสาน มวยลพบุรีที่เป็นศิลปะเก่าแก่ที่สุด มวยพระยาพิชัยหรือมวยวัดท่าเสาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของยุคอาณาจักรล้านนา และมวยไทยสายพลศึกษาที่นำศิลปะสู่การศึกษามาเผยแพร่ และรวบรวมหลากหลาย ผสมผสานให้เป็น กีฬาแห่งยุค

การสืบทอดและอนุรักษ์มวยไทยโบราณ เป็นหน้าที่สำคัญของคนไทยและทุกชนชาติทุกคน เพื่อให้ศิลปะการต่อสู้อันทรงคุณค่านี้ได้สืบทอดต่อไปยังลูกหลานในอนาคต และไปไกลก้องโลก โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์และความเป็นไทยไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อวงการและอนาคตของลูกหลานไทยเรา

ไม่พลาดทุกคู่เด็ด ดูมวยพักยก สด ๆ ผ่านมือถือ พร้อมแทงมวย ลุ้นมันส์ต้องที่ UFABET เท่านั้น

ไม่พลาดทุกคู่เด็ดจากเวทีดัง ดูมวยพักยกสด ๆ ผ่านมือถือได้แบบลื่นไหล ไม่มีสะดุด พร้อมระบบแทงมวยที่ปรับราคาเรียลไทม์ ให้คุณวิเคราะห์เกมและวางเดิมพันได้ทันสถานการณ์ ลุ้นมันส์ ทำกำไรจริง ต้องที่ ทางเข้ายูฟ่าเบท เท่านั้น ครบ จบ ในที่เดียว เราวิเคราะห์ให้คุณล่วงหน้า เพื่อให้คุณได้เปรียบก่อนใคร

Scroll to Top